การจำหน่ายอาหารเสริมปัจจุบันไม่จำกัดอยู่แค่การซื้อมาแล้วขายไป
แต่เราสามารถที่จะขายได้โดยที่ไม่ต้องซื้อสินค้ามาสต็อกไว้ก่อน เพราะในปัจจุบันมันมีช่องทางการขายแบบออนไลน์ที่สามารถขายด้วยภาพสินค้า
หรือภาพอาหารเสริมได้ไม่ต้องขายด้วยสินค้าจริง
แล้วพอมีการสั่งซื้อการขึ้นหมายถึงเราขายได้แล้ว
ก็ค่อยไปสั่งซื้อต่อกับผู้จำหน่ายที่มีสินค้าอยู่
เราในฐานะผู้ขายสินค้าโดยไม่มีสินค้า (ตัวแทนจำหน่าย)
ก็รับเงินโอนมาจากลูกค้าที่สั่งซื้อ
ซึ่งจะเป็นจำนวนเงินที่เราเองได้บวกเป็นกำไรเพิ่มเติมไปจากราคาอาหารเสริมที่ร้านเจ้าของสินค้าได้ตั้งไว้แล้ว
จากนั้นเราก็โอนเงินต่อไปให้กับเจ้าของสินค้าที่เขาจะทำการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้า
โดยที่มีการหักกำไรในส่วนของเราไว้แล้ว
เท่านี้ก็ถือว่าเราได้ทำกำไรจากการค้าขายอาหารเสริมได้แล้ว แต่จะว่ามันดี
หรือไม่ดีสำหรับการขายอาหารเสริมในแบบของการเป็นตัวแทนจำหน่ายนี้จะต้องบอกว่ามีทั้งข้อดี
และข้อเสีย สำหรับข้อดีคือเราไม่ต้องลงทุนก่อนก็สามารถเริ่มขายได้ทันที และก็ไม่ต้องเหนื่อยกับการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าเองด้วย
ส่วนข้อเสีย อย่างแรกล่ะ?
เราไม่อาจมั่นใจได้ว่าสินค้าที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายให้นั้นมีคุณภาพดีจริงๆหรือไม่
เพราะเราไม่ได้ผลิตเอง หรือเลือกมาขายเอง ไม่ได้เห็นสินค้าตัวจริงๆมาก่อน
เว้นแต่ว่าเราจะเคยทานและชื่นชอบในอาหารเสริมตัวนั้นจริงๆ ข้อเสียต่อมา
หากมีการสั่งซื้อเกิดขึ้น เราไม่สามารถคอนโทรลการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าได้
ซึ่งถ้าทางร้านที่มีอาหารเสริมพร้อมจำหน่ายจริงๆเขาเกิดส่งสินค้าล่าช้า
ก็จะทำให้เราเสียเครดิต อาจโดนลูกค้าบ่น หรือคอมเม้นท์มาได้ และข้อเสียอีกอย่าง
การเป็นตัวแทนจำหน่ายอาหารเสริม สามารถทำกำไรได้น้อยกว่าการสต็อกสินค้าเอง
หรือผลิตสินค้าเอง ขายเอง เพราะไม่ว่าอย่างไรร้านที่เขาเปิดรับตัวแทนในการจำหน่าย
เขาก็จะต้องหวังได้กำไรจากจำหน่ายสินค้าอยู่แล้ว
นั่นทำให้สัดส่วนที่เราจะมาทำกำไรได้มันลดลงไป การจะไปตั้งราคาสูงๆกว่าราคาที่ร้านเขาตั้งมาให้มันมากๆขึ้นไปก็จะทำให้สินค้าขายได้ยาก
ลูกค้าก็จะไปเลือกซื้อจากร้านเขาโดยตรงดีกว่า